Wednesday 24 February 2016

ลูกน้องที่ถูกใจ :ต้องไม่ขาดลาหรือมาสายบ่อยๆ

"คงไม่มีบริษัทไหนในโลกนี้ ที่ปลาบปลื้มกับการมีลูกน้อง ที่มาทำงานสามวัน ลาอีก2 วัน หรือหนึ่งสัปดาห์มี 5 วัน แค่เธอสายไปแล้ว 4 วัน" เช่นนี้แล้วอนาคตบริษัทดูท่าจะขมุกขมัว เป็นแน่ เพราะพนักงานอันเป็นบุคลากรไม่มีความรับผิดชอบต่อหน้าที่ของตนแม้แต่น้อย...

การมาทำงานให้ทันเวลา เช่น เวลาเข้างาน 8:30. ก็ควรพนักงานก็ควรมาก่อนสัก10. หรือ15 นาที การมาทำงานให้ทันเวลาไม่ใช่มาแบบเฉียดฉิว ทันการตอกบัตรนาทีสุดท้ายพอดิบพอดี เป้ะๆตามเวลาแบบนี้ ไม่ใช่เป็นสิ่งที่นายจ้างปลื้มนัก จริงอยู่คุณไม่สาย แต่กว่าคุณจะเริ่มงานได้ นับจากนาทีสุดท้ายของการตอกบัตรนั้น คงกินเวลาไปอีก10 นาทีอย่างน้อยหละค่ะ

มิหนำซ้ำ บางคนมาถึงปั้บ ต้องเดินเข้าห้องน้ำอีก แต่งหน้าทาปากอีก...คิดว่านี่เป็นการทำลายกฏระเบียบที่บริษัทสร้างขึ้นหรือไม่? บางบริษัท เป็นมาตั้งแต่หัวหน้าเพราะบริษัทฯ เจ้าของไม่มาคุมเอง แต่ถ้าฝ่ายบุคคลไปเข้มงวด ตั้งแต่หัวหน้าและลูกน้องพาลไม่พอใจฝ่ายบุคคลกันเลยทีเดียว

..ยิ่งถ้าเจ้าของหูเบาปล่อยให้เขาฟ้อง ใส่ร้ายฝ่ายบุคคลได้ รับรองว่า ระบบอะไรก็แก้ปัญหาการทำงานให้มีประสิทธิภาพไม่ได้ เช่น ตย. ที่เคยเจอมา มีบริษัทคนไทย แห่งหนึ่งแถวๆงามวงศ์วาน ฝ่ายธุรการ อายุงานนาน คอยนินทาว่าร้าย คอยสอดส่องเก็บเรื่องมาฟ้องเล่าเจ้านาย ฝ่ายเจ้านายเป็นคนหูเบา ชอบเรื่องโป้ปดมดเท็จ ชอบเรื่องบ่างช่างยุ ซ้ำร้ายยังเคยจับได้ว่าเจ้านายโกหก โบ้ยบ้าย เรื่ิองเท็จ บ่อยครั้งแบบกลับหัวกลางอากาศเลยทีเดียว ไร้สัจจะอย่างยิ่ง ทำงานอะไรนี่แทบหามาตรฐานการทำงาน เพื่อวางเป็นเกณฑ์ในการตัดสินใจยากมาก เพราะความหูเบา วันนี้มีเรื่องถูกหู ถูกใจ โอเคทุกเรื่อง วันนี้ฟังสตอรี่ มาจากคนขี้ฟ้อง แอบๆฟ้อง เพราะคอยระวังอยู่หลังจากเห็นพฤติกรรมการทำงานของ พนักงานแย่ๆขององค์กร (คอขวด) วันนั้นเจ้านายจะพาลเปลี่ยนแปลงมาตรฐานตามอารมณ์ไปเสีย. ..ต้องคอยตรวจสอบที่มาของอารมณ์แล้วแจกแจงเรื่องจริงให้ฟัง...เปลี่ยนท่าทีกันไป

พนักงานคนนี้ชอบมาสาย มาสายตลอดและทำงานไม่มาก แทบไม่ทำอะไรเลยทำน้อยมาก งานในหน้าที่ตำแหน่งนี้ จะไปกองอยู่กับ HR และ AC จน Admin แทบไม่ต้องทำอะไร JD วุ่นวายไปหมด พอจะทำwork load มันจะเจอความทุเร่ศของแผนกนี้ ตลอดทุกครั้ง...

ทำไมการมาสายของแผนกนี้จึงไม่มีผลอะไร แต่ที่อื่นๆเราแก้ไขได้ เพราะว่า เจ้านายเป็นเจ้านายที่ไม่ได้ใจลูกน้อง ตรงกับข้อจะเขียนในบทต่อๆไป คือ เจ้านายที่ดีต้องยุติธรรมและเป็นคนดี

เจ้านายที่ดี เขาจะไม่ทนพฤติกรรมแบบนี้หรอกค่ะ ดังนั้นการมาทำงานตรงเวลา และไม่ขาดสายลา จึงเป็นกฏข้อแรกที่เจ้านายต้องการ และมันหมายถึงความรับผิดชอบของตัวคุณด้วย ที่จัดการตัวเองดีพอที่จะได้รับการประทับใจและประเมินดีจากเจ้านายไปด้วย... ถ้าคุณกำลังทำผิดพลาดข้อนี้ รีบแก้ไขเลยค่ะ ให้มันติดเป็นศีลธรรมประจำใจในการทำงาน ตั้งแต่ยังเยาว์วัย เป็นพนักงานใหม่ๆอยู่ หรือแก่แล้วแต่การปรับปรุงตัวเราเริ่มได้ทุกวันค่ะ!



Monday 15 February 2016

เป็นลูกน้องที่ถูกใจ : ต้องขยันและตั้งใจ (พนักงานใหม่ ควรอ่าน)

สำหรับคนที่เป็นเจ้านาย หรือ เป็นเจ้าของบริษัทแล้ว การมีลูกน้องที่ขยันขันแข็งในการทำงาน และมีความตั้งใจเต็มเปี่ยมที่จะสร้างสรรค์งานดีๆ มีประสิทธิภาพให้แก่บริษัท เป็นสิ่งที่เจ้านายทุกคนต้องการที่สุด !

หลายๆคนที่มีชีวิต เป็นลูกน้องหรือเป็นลูกจ้าง ต่างก็รู้ดีว่า คนตั้งใจและขยันทำงาน เจ้านายที่ไหนก็ปลื้ม (ยกเว้นเจ้านายจริตเลว ขยันให้ตายก็ไม่เห็น ...คิดเสียเสมอว่า "หน้าที่ลูกจ้างอย่างมัน" อั้วจ่ายเงินลื้อแล้ว ขยันซี เรื่องปกติ อันนี้ควรทำใจว่าจะอยู่ไหวมั้ย..อย่าจมปลักมุ่งมั่นพิสูจน์ตัวเองอยู่นานๆหละ ลื้ออาจจะเหลือแต่เพียงเศษซากของชีวิต)

อย่างไรก็ตาม มันยังจะมีบางวันที่มีเรื่องที่ช่วยไม่ได้จริงๆ เกิดปัญหาโลกแตกที่บ้านของคุณขึ้นมา ทำให้คุณต้องอยู่แก้ปัญหาบ้าๆ นั้นตลอดทั้งคืน หรือ มีปัญหาติดพันยาวนานในชีวิตส่วนตัวของคุณที่ต้องคอยตามแก้ไขไปไม่มีวันสิ้นสุด หรือ บางวัน คุณอาจจะทะเลาะกับคนรัก ต้องตามเคลียร์จนเพลียใจ ทำให้ไฟและพลังในร่างกายคุณที่ต้องนำมาใช้ทำงานในตอนกลางวันมอดลงเหลืออยู่ไม่กี่เปอร์เซ็นต์

ถ้าหากชีวิตคุณต้องประสบปัญหาเช่นนี้ แล้วเจ้านายเกิดมาเห็นช่วงเวลาที่คุณทำท่าทางเหน็ดเหนื่อย เพลียกาย ไม่มีกะจิตกะใจจะทำงานแล้ว อะไรจะเกิดขึ้น?

คงต้องบอกว่า ความซวย อาจมาเยือนคุณก็เป็นได้ แต่ในเมื่อเหตุการณ์ดังกล่าวยังไม่เกิดขึ้น ซึ่งก็ไม่แน่นอนว่าจะเกิดในอนาคตของชีวิตคุณ คุณจะมีวิธีการรับมือกับเหตุการณ์นี้ได้อย่างไร?

ก่อนอื่น คุณต้องระลึกเสมอว่าการทำงานจำเป็นจะต้องเป็นมืออาชีพ ถึงแม้ว่าคุณจะเป็นเพียงธุรการเล็กๆ ระดับล่าง เป็นแค่พนักงานปลายแถวคนหนึ่ง หรือ เป็นพนักงานใหม่ที่เจ้านายยังจำชื่อไม่ได้ด้วยซ้ำ แต่เมื่อคุณก้าวเข้าไปอยู่ในโลกและสังคมของการทำงานแล้ว คุณจำเป็นจะต้องเป็นมืออาชีพ  และตั้งใจทำงานเต็มความสามารถ เต็มที่กับมัน เพราะคุณไม่อาจรู้เลยว่าระหว่างที่คุณนั่งนำงานอย่างตั้งอก ตั้งใจ นั้น หรือ อาจเผลอไผลแชทไลน์ หรือ เช็คเฟสบุ๊ค นัดแนะเพื่อนไปปาร์ตี้ นัดกินหมูกะทะคิงคอง อยู่นั้น เจ้านายคุณอาจเดินผ่านมาเห็นหรือเปล่า

ถ้าบังเอิญเจ้านายคุณผ่านมาเห็นตอนคุณกำลังตั้งอกตั้งใจทำงานอย่างเต็มที่ ด้วยท่าทีกระตือรือร้น กระฉับกระเฉง คะแนนนิยมในใจของเจ้านายคุณก็จะพุ่งสูงขึ้นอย่างแน่นอน แต่ในทางกลับกัน หากบังเอิญเจ้านายคุณเดินมาเห็นคุณขณะอ้าปากหาวนอนจนแมลงวันทำท่าจะเข้าไปสำรวจหาแหล่งที่อยู่ได้หละก็ หรือ ตอนคุณกำลังแชทน์ไลน์อย่างเมามัน กับเพื่อนต่างบริษัท คุณอาจชะตาขาดในเร็ววัน

ความเป็นมืออาชีพ ยังหมายถึงรวมไปถึงการแยกแยะระหว่างเรื่องงานออกจากเรื่องส่วนตัวด้วย

จริงอยู่ว่า คุณหรือ ใครๆ ก็อาจจะมีปัญหาส่วนตัวกันทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นปัญหาเรื่องเงินๆ ทองๆ หรือ เรื่องครอบครัวร้าวฉาน เรื่องแฟนนอกใจ หรือ เรื่องอะไรก็ตามร้อยแปดพันเก้า ที่ทำให้คุณไม่สบายใจ จนไม่อยากจะทำงานทำการอะไร แต่ในเมื่อคุณยังมีงานทำต้องรับผิดชอบ คุณก็จะเป็นต้องทำงานของคุณให้เต็มที่

คงไม่เป็นเรื่องที่ยุติธรรมต่อเจ้านาย หรือ องค์กร ที่จ่ายเงินเดือนให้แก่คุณเพื่อมานั่งเหม่อลอยในเวลาทำงาน เพราะมัวแต่คิดเรื่องปัญหาส่วนตัว หรือ คุณมัวแต่ใช้โทรศัพท์ ไปเคลียร์ปัญหาหัวใจกับแฟน เพื่อมีเรื่องไม่เข้าใจกันเมื่อคืนวาน หรือ ถ้าคุณเป็นเจ้านาย คุณจะรู้สึกอย่างไร ถ้ามีลูกน้องไม่สนใจงาน เอาแต่ทำเรื่องส่วนตัวทั้งวี่ ทั้งวัน

ถ้าจู่ๆ วันหนึ่ง คุณเกิดรู้่สึกว่า

                                               
เบื่องานของตัวเอง 
ฉันไม่อยากทำงานเลย 
ฉันหมดไฟแล้ว ....

คุณจะแก้ปัญหาเหล่านี้ยังไง ก่อนที่เจ้านายคุณจะสังเกตุเห็น อาการซังกะตายของคุณ จนไม่อยากได้คุณไว้ทำงานอีกต่อไป ถึงตอนนั้น  ...ลองมาหาวิธีการปรับปรุงตัวเองกันก่อน

อาการเบื่องานมีหนทางแก้ไขอยู่ 2 ทาง ง่ายๆ คือ

1. ตั้งเป้าหมายให้ตัวเอง
แน่นอนว่าการทำงานนั้น จำเป็นอยู้แล้วที่ต้องมีเป้าหมาย เพราะหากคุณทำงานโดยปราศจากเป้าหมาย ความเรื่อยเปื่อยก็จะส่ออาการแทรกแซง ก็จะมีอาการเฉื่อยแฉะตามมาติดๆ จนมันกลายพันธุ์เป็น ความขี้เกียจ ความเบื่อหน่าย และไม่มีใจจะทำงานนั้นอีกต่อไป

การตั้งเป้าหมายไม่จำเป็นต้องเป็นเป้าหมายใหญ่โตอะไร เพราะถ้าคุณตั้งเป้าหมายใหญ่โต สูงส่ง เกินไป และคุณทำไม่ได้ ไม่สำเร็จสักที มันก็จะยิ่งทำให้คุณหมดหวังในการทำงานหนักยิ่งขึ้นไปอีก เพราะฉะนั้นเริ่มต้นด้วยการตั้งเป้าหมายเล็กๆ จะดีกว่า อาจเป็นเป้าหมายเล็กๆ ในแต่ละวันและทำมันให้สำเร็จก่อนกลับบ้าน

เช่น เมื่อคุณมาถึงที่ทำงาน คุณตั้งเป้าหมายโดยการเขียนใส่กระดาษไว้เลยว่า วันนี้จะทำงานอะไรบ้างให้เสร๋จสิ่น เช่น

  • พิมพ์จดหมายเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ส่งให้ลูกค้า 10 ราย 
  • จัดเรียงแฟ้มเอกสารใหม่
  • พิมพ์รายงานการประชุมของฝ่ายขายให้เจ้านายรู้ 
งานบางอย่างไม่สามารถทำฃให้เสร็จภายในวันเดียว เพราะฉะนั้น คุณอาจแบ่งมันออกเป็นขั้นเป็นตอน และ จัดการไปทีละขั้น จะกำหนดระยะเวลาทำกี่วันก็ตั้งเป้าหมายเอาไว้ จนถึงวันที่งานนั้นเสร็จ ความภูมิใจก็จะเกิด เจ้านายพออกพอใจ ชื่นชม คุณก็จะมีกำลังใจในการทำงานต่อไปในทุกๆ วัน 

2.  ให้รางวัลตัวเองเมื่อทำงานเสร็จ 

บางครั้งรางวัลก็เป็นแรงผลักดันอันดีที่จะทำให้เราสามารถทำงานได้สำเร็จ อย่างเช่น การแข่งขันต่างๆ ที่ตั้งรางวัลไว้ สำหรับผู้ที่ฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆ มาได้ ไม่ว่าจะเป็นอุปสรรคภายนอกจากผู้อื่น หรืออุปสรรคภายใน จากตัวคุณเอง แต่คุณก้าวผ่านมันมาได้ จนถึงเส้นชัยสำเร็จ คุณก็สมควรจะได้รับรางวัล เช่น คุณอาจกำหนดไว้ว่า ถ้าในเดือนนี้คุณทำยอดขายได้ทะลุเป้า คุณจะให้รางวัลตัวเองเป็นชุดทำงานชุดใหม่สักชุด หรืออาจจะเป็นกระเป๋าหรูๆ สักใบ มันก็สมเหตุสมผลถ้าคุณจะใช้เงินที่คุณหามาได้ด้วยน้ำพักน้ำแรงของตัวเอง ซื้อของขวัญ เป็นรางวัลความสำเร็จตนเองเงียบๆ ตามเป้าหมายที่เราวางไว้ 

ทั้งสองวิธีนี้เป็นการสร้างแรงบันดาลใจให้คุณตั้งใจทำงาน อย่างขยันขันแข็งทั้งสิ้น และแน่นอนว่าผลตอบแทนที่คุณได้รับไม่ใช่เพียงแต่คุณภูมิใจตัวเองเท่านั้น แต่เจ้านายคุณยังปลื้มใจที่คุณเป็นพนักงานที่ดี ตั้งใจทำงานอีกด้วย และผลที่ตามมาก็คือ คุณอาจจะได้รับเลื่อนตำแหน่งเร็วขึ้น ได้เงินเดือนขึ้น หรือ ได้โบนัสงามๆ แบบพนักงานเกรด A ตอนปลายปี ก็เป็นได้ค่ะ 

ผลของความพยายามของคนเรานั้น มักจะตอบแทนคนเราเสมอ การทำงานก็เช่นกันค่ะ