Monday 15 February 2016

เป็นลูกน้องที่ถูกใจ : ต้องขยันและตั้งใจ (พนักงานใหม่ ควรอ่าน)

สำหรับคนที่เป็นเจ้านาย หรือ เป็นเจ้าของบริษัทแล้ว การมีลูกน้องที่ขยันขันแข็งในการทำงาน และมีความตั้งใจเต็มเปี่ยมที่จะสร้างสรรค์งานดีๆ มีประสิทธิภาพให้แก่บริษัท เป็นสิ่งที่เจ้านายทุกคนต้องการที่สุด !

หลายๆคนที่มีชีวิต เป็นลูกน้องหรือเป็นลูกจ้าง ต่างก็รู้ดีว่า คนตั้งใจและขยันทำงาน เจ้านายที่ไหนก็ปลื้ม (ยกเว้นเจ้านายจริตเลว ขยันให้ตายก็ไม่เห็น ...คิดเสียเสมอว่า "หน้าที่ลูกจ้างอย่างมัน" อั้วจ่ายเงินลื้อแล้ว ขยันซี เรื่องปกติ อันนี้ควรทำใจว่าจะอยู่ไหวมั้ย..อย่าจมปลักมุ่งมั่นพิสูจน์ตัวเองอยู่นานๆหละ ลื้ออาจจะเหลือแต่เพียงเศษซากของชีวิต)

อย่างไรก็ตาม มันยังจะมีบางวันที่มีเรื่องที่ช่วยไม่ได้จริงๆ เกิดปัญหาโลกแตกที่บ้านของคุณขึ้นมา ทำให้คุณต้องอยู่แก้ปัญหาบ้าๆ นั้นตลอดทั้งคืน หรือ มีปัญหาติดพันยาวนานในชีวิตส่วนตัวของคุณที่ต้องคอยตามแก้ไขไปไม่มีวันสิ้นสุด หรือ บางวัน คุณอาจจะทะเลาะกับคนรัก ต้องตามเคลียร์จนเพลียใจ ทำให้ไฟและพลังในร่างกายคุณที่ต้องนำมาใช้ทำงานในตอนกลางวันมอดลงเหลืออยู่ไม่กี่เปอร์เซ็นต์

ถ้าหากชีวิตคุณต้องประสบปัญหาเช่นนี้ แล้วเจ้านายเกิดมาเห็นช่วงเวลาที่คุณทำท่าทางเหน็ดเหนื่อย เพลียกาย ไม่มีกะจิตกะใจจะทำงานแล้ว อะไรจะเกิดขึ้น?

คงต้องบอกว่า ความซวย อาจมาเยือนคุณก็เป็นได้ แต่ในเมื่อเหตุการณ์ดังกล่าวยังไม่เกิดขึ้น ซึ่งก็ไม่แน่นอนว่าจะเกิดในอนาคตของชีวิตคุณ คุณจะมีวิธีการรับมือกับเหตุการณ์นี้ได้อย่างไร?

ก่อนอื่น คุณต้องระลึกเสมอว่าการทำงานจำเป็นจะต้องเป็นมืออาชีพ ถึงแม้ว่าคุณจะเป็นเพียงธุรการเล็กๆ ระดับล่าง เป็นแค่พนักงานปลายแถวคนหนึ่ง หรือ เป็นพนักงานใหม่ที่เจ้านายยังจำชื่อไม่ได้ด้วยซ้ำ แต่เมื่อคุณก้าวเข้าไปอยู่ในโลกและสังคมของการทำงานแล้ว คุณจำเป็นจะต้องเป็นมืออาชีพ  และตั้งใจทำงานเต็มความสามารถ เต็มที่กับมัน เพราะคุณไม่อาจรู้เลยว่าระหว่างที่คุณนั่งนำงานอย่างตั้งอก ตั้งใจ นั้น หรือ อาจเผลอไผลแชทไลน์ หรือ เช็คเฟสบุ๊ค นัดแนะเพื่อนไปปาร์ตี้ นัดกินหมูกะทะคิงคอง อยู่นั้น เจ้านายคุณอาจเดินผ่านมาเห็นหรือเปล่า

ถ้าบังเอิญเจ้านายคุณผ่านมาเห็นตอนคุณกำลังตั้งอกตั้งใจทำงานอย่างเต็มที่ ด้วยท่าทีกระตือรือร้น กระฉับกระเฉง คะแนนนิยมในใจของเจ้านายคุณก็จะพุ่งสูงขึ้นอย่างแน่นอน แต่ในทางกลับกัน หากบังเอิญเจ้านายคุณเดินมาเห็นคุณขณะอ้าปากหาวนอนจนแมลงวันทำท่าจะเข้าไปสำรวจหาแหล่งที่อยู่ได้หละก็ หรือ ตอนคุณกำลังแชทน์ไลน์อย่างเมามัน กับเพื่อนต่างบริษัท คุณอาจชะตาขาดในเร็ววัน

ความเป็นมืออาชีพ ยังหมายถึงรวมไปถึงการแยกแยะระหว่างเรื่องงานออกจากเรื่องส่วนตัวด้วย

จริงอยู่ว่า คุณหรือ ใครๆ ก็อาจจะมีปัญหาส่วนตัวกันทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นปัญหาเรื่องเงินๆ ทองๆ หรือ เรื่องครอบครัวร้าวฉาน เรื่องแฟนนอกใจ หรือ เรื่องอะไรก็ตามร้อยแปดพันเก้า ที่ทำให้คุณไม่สบายใจ จนไม่อยากจะทำงานทำการอะไร แต่ในเมื่อคุณยังมีงานทำต้องรับผิดชอบ คุณก็จะเป็นต้องทำงานของคุณให้เต็มที่

คงไม่เป็นเรื่องที่ยุติธรรมต่อเจ้านาย หรือ องค์กร ที่จ่ายเงินเดือนให้แก่คุณเพื่อมานั่งเหม่อลอยในเวลาทำงาน เพราะมัวแต่คิดเรื่องปัญหาส่วนตัว หรือ คุณมัวแต่ใช้โทรศัพท์ ไปเคลียร์ปัญหาหัวใจกับแฟน เพื่อมีเรื่องไม่เข้าใจกันเมื่อคืนวาน หรือ ถ้าคุณเป็นเจ้านาย คุณจะรู้สึกอย่างไร ถ้ามีลูกน้องไม่สนใจงาน เอาแต่ทำเรื่องส่วนตัวทั้งวี่ ทั้งวัน

ถ้าจู่ๆ วันหนึ่ง คุณเกิดรู้่สึกว่า

                                               
เบื่องานของตัวเอง 
ฉันไม่อยากทำงานเลย 
ฉันหมดไฟแล้ว ....

คุณจะแก้ปัญหาเหล่านี้ยังไง ก่อนที่เจ้านายคุณจะสังเกตุเห็น อาการซังกะตายของคุณ จนไม่อยากได้คุณไว้ทำงานอีกต่อไป ถึงตอนนั้น  ...ลองมาหาวิธีการปรับปรุงตัวเองกันก่อน

อาการเบื่องานมีหนทางแก้ไขอยู่ 2 ทาง ง่ายๆ คือ

1. ตั้งเป้าหมายให้ตัวเอง
แน่นอนว่าการทำงานนั้น จำเป็นอยู้แล้วที่ต้องมีเป้าหมาย เพราะหากคุณทำงานโดยปราศจากเป้าหมาย ความเรื่อยเปื่อยก็จะส่ออาการแทรกแซง ก็จะมีอาการเฉื่อยแฉะตามมาติดๆ จนมันกลายพันธุ์เป็น ความขี้เกียจ ความเบื่อหน่าย และไม่มีใจจะทำงานนั้นอีกต่อไป

การตั้งเป้าหมายไม่จำเป็นต้องเป็นเป้าหมายใหญ่โตอะไร เพราะถ้าคุณตั้งเป้าหมายใหญ่โต สูงส่ง เกินไป และคุณทำไม่ได้ ไม่สำเร็จสักที มันก็จะยิ่งทำให้คุณหมดหวังในการทำงานหนักยิ่งขึ้นไปอีก เพราะฉะนั้นเริ่มต้นด้วยการตั้งเป้าหมายเล็กๆ จะดีกว่า อาจเป็นเป้าหมายเล็กๆ ในแต่ละวันและทำมันให้สำเร็จก่อนกลับบ้าน

เช่น เมื่อคุณมาถึงที่ทำงาน คุณตั้งเป้าหมายโดยการเขียนใส่กระดาษไว้เลยว่า วันนี้จะทำงานอะไรบ้างให้เสร๋จสิ่น เช่น

  • พิมพ์จดหมายเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ส่งให้ลูกค้า 10 ราย 
  • จัดเรียงแฟ้มเอกสารใหม่
  • พิมพ์รายงานการประชุมของฝ่ายขายให้เจ้านายรู้ 
งานบางอย่างไม่สามารถทำฃให้เสร็จภายในวันเดียว เพราะฉะนั้น คุณอาจแบ่งมันออกเป็นขั้นเป็นตอน และ จัดการไปทีละขั้น จะกำหนดระยะเวลาทำกี่วันก็ตั้งเป้าหมายเอาไว้ จนถึงวันที่งานนั้นเสร็จ ความภูมิใจก็จะเกิด เจ้านายพออกพอใจ ชื่นชม คุณก็จะมีกำลังใจในการทำงานต่อไปในทุกๆ วัน 

2.  ให้รางวัลตัวเองเมื่อทำงานเสร็จ 

บางครั้งรางวัลก็เป็นแรงผลักดันอันดีที่จะทำให้เราสามารถทำงานได้สำเร็จ อย่างเช่น การแข่งขันต่างๆ ที่ตั้งรางวัลไว้ สำหรับผู้ที่ฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆ มาได้ ไม่ว่าจะเป็นอุปสรรคภายนอกจากผู้อื่น หรืออุปสรรคภายใน จากตัวคุณเอง แต่คุณก้าวผ่านมันมาได้ จนถึงเส้นชัยสำเร็จ คุณก็สมควรจะได้รับรางวัล เช่น คุณอาจกำหนดไว้ว่า ถ้าในเดือนนี้คุณทำยอดขายได้ทะลุเป้า คุณจะให้รางวัลตัวเองเป็นชุดทำงานชุดใหม่สักชุด หรืออาจจะเป็นกระเป๋าหรูๆ สักใบ มันก็สมเหตุสมผลถ้าคุณจะใช้เงินที่คุณหามาได้ด้วยน้ำพักน้ำแรงของตัวเอง ซื้อของขวัญ เป็นรางวัลความสำเร็จตนเองเงียบๆ ตามเป้าหมายที่เราวางไว้ 

ทั้งสองวิธีนี้เป็นการสร้างแรงบันดาลใจให้คุณตั้งใจทำงาน อย่างขยันขันแข็งทั้งสิ้น และแน่นอนว่าผลตอบแทนที่คุณได้รับไม่ใช่เพียงแต่คุณภูมิใจตัวเองเท่านั้น แต่เจ้านายคุณยังปลื้มใจที่คุณเป็นพนักงานที่ดี ตั้งใจทำงานอีกด้วย และผลที่ตามมาก็คือ คุณอาจจะได้รับเลื่อนตำแหน่งเร็วขึ้น ได้เงินเดือนขึ้น หรือ ได้โบนัสงามๆ แบบพนักงานเกรด A ตอนปลายปี ก็เป็นได้ค่ะ 

ผลของความพยายามของคนเรานั้น มักจะตอบแทนคนเราเสมอ การทำงานก็เช่นกันค่ะ      







No comments:

Post a Comment